‘เอฟเอคัพ’ ยังสำคัญต่อทุกทีมที่เหลืออยู่

เกม เอฟเอคัพ รอบก่อนรองชนะเลิศที่จะแข่งขันในสุดสัปดาห์นี้ ล้วนแล้วแต่มีความสำคัญต่อทุกสโมสรที่เหลือรอดจนมาถึงตอนนี้ ซึ่งจะเป็นเพราะเหตุใด มาติดตามไปพร้อม ๆ กันได้ที่นี่เลย
บอร์นมัธ, ไบรท์ตัน, คริสตัล พาเลซ, ฟูแล่ม, แอสตัน วิลล่า, เปรสตัน นอร์ธเอนด์, น็อตติงแฮม ฟอเรสต์ และ แมนเชสเตอร์ ซิตี้ คือ 8 สโมสรที่ยังคงมีโอกาสที่คว้าแชมป์รายการที่เก่าแก่ที่สุดไปได้ในฤดูกาลนี้ โดยที่ 4 ทีมแรกนั้นไม่เคยคว้าแชมป์ในรายการนี้ได้เลยแม้แต่หนเดียว
นอกเหนือจาก แมนฯ ซิตี้ ที่คว้าแชมป์มาได้เมื่อปี 2023 ส่วนอีก 3 ทีมอย่าง วิลล่า, ฟอเรสต์ และ เปรสตัน ต่างก็ห่างหายจากความสำเร็จในรายการนี้ไปร่วม 50 ปีแล้วด้วยเช่นเดียวกัน
เรามาไล่เรียงกันไปทีละสโมสรว่าประสบการณ์จากใน เอฟเอคัพ ของแต่ละสโมสรนั้นเป็นอย่างไรกันบ้าง
บอร์นมัธ เป็นเพียงสโมสรเดียวจากในจำนวน 8 ทีมที่ไม่เคยไปได้ไกลกว่าในรอบก่อนรองชนะเลิศ ซึ่งก็คือในรอบนี้เลยแม้แต่หนเดียว โดยที่เคยผ่านมาได้ 2 หนในฤดูกาล 1956-57 และ 2020-21
โดยในหนล่าสุด พวกเขาพ่ายแพ้คาบ้านต่อ เซาแธมป์ตัน ด้วยสกอร์ 3-0 ซึ่งเป็นปีเดียวกับที่มีโรคระบาดโควิด และทำให้ไม่มีแฟน ๆ ได้เข้ามาชมเกมเลยแม้แต่คนเดียว
ตามมาด้วย ฟูแล่ม และ ไบรท์ตัน ที่ต่างก็เคยผ่านเข้าไปถึงรอบชิงชนะเลิศมากันทีมละหน แต่ก็ไปไม่ถึงฝั่งฝันกันเลยทั้ง 2 ทีม
‘เจ้าสัวน้อย’ เคยเข้าชิงเมื่อฤดูกาล 1974-75 และผ่านเข้าสู่รอบรองชนะเลิศครั้งล่าสุดในปี 2002 ในยุคของ ฌอง ติกาน่า แต่ก็พ่ายแพ้ในเกม ลอนดอน ดาร์บี้ ให้กับ เชลซี และหลังจากนั้นก็ไม่เคยเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศได้เลยแม้แต่ครั้งเดียว
‘นกนางนวล’ เองก็เคยพ่ายแพ้ในนัดชิงชนะเลิศครั้งแรกและครั้งเดียวที่พวกเขาทำได้ในปี 1983 และใน 34 ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาก็ทะลุผ่านเข้ามาถึงรอบก่อนรองชนะเลิศได้เพียงครั้งเดียวเท่านั้น
พาเลซ เป็นหนึ่งในทีมที่มีฟอร์มการเล่นที่ดีที่สุดทีมหนึ่งในปี 2025 จากผลงาน 12 เกมล่าสุดในทุกรายการ ที่พวกเขาชนะได้ถึง 9 นัด รวมถึงการชนะรวดใน 4 เกมหลังสุด แต่พวกเขาก็ยังไม่เคยชูถ้วยแชมป์ในรายการนี้ได้เลย แม้ว่าจะผ่านการเข้าชิงชนะเลิศมา 2 หน เมื่อฤดูกาล 1989-90 และ 2015-16
หนึ่งเดียวจาก แชมเปี้ยนชิพ อย่าง เปรสตัน มีประสบการณ์ไม่น้อยในรายการนี้ โดยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศมาแล้วถึง 7 ครั้ง และสามารถก้าวขึ้นไปชูถ้วยได้ 2 ครั้ง แต่ครั้งล่าสุดก็ต้องย้อนไปเมื่อปี 1938 หรือว่าเกือบ 90 ปีนู้นเลย
จาก 5 ฤดูกาลที่ผ่านมา มีทีมจาก แชมเปี้ยนชิพ รวมทั้งหมด 8 ทีมที่เข้าถึงรอบ 8 ทีมสุดท้าย แต่มีเพียง 2 ทีมเท่านั้นที่ผ่านเข้าไปถึงรอบรองชนะเลิศ ซึ่งก็คือ โคเวนทรี ในฤดูกาลที่แล้ว และ เชฟฟิลด์ ยูไนเต็ด ในฤดูกาลก่อนหน้านั้น
ต่อกันที่ทีมที่สร้างเซอร์ไพรส์ได้มากที่สุดบน พรีเมียร์ลีก ในฤดูกาลนี้อย่าง ฟอเรสต์ ที่เกาะกลุ่มท็อปโฟร์ได้อย่างเหนียวแน่นอนในฤดูกาลนี้ และในรายการนี้ก็ทะลุมาถึงรอบนี้ได้เป็นหนแรก นับตั้งแต่ที่เคยเข้าถึงรอบชิงชนะเลิศในปี 1991 ที่พ่ายแพ้ต่อ ท็อตแน่ม ฮ็อทสเปอร์ ในช่วงต่อเวลาพิเศษ
อย่างไรก็ตาม ‘เจ้าป่า’ เคยผ่านการคว้าแชมป์ เอฟเอคัพ มาแล้ว 2 สมัยในฤดูกาล 1897-98 และ 1958-59
วิลล่า ถือเป็นหนึ่งในทีมที่ประสบความสำเร็จในรายการนี้รองจาก อาร์เซนอล, แมนฯ ยูไนเต็ด, เชลซี, ลิเวอร์พูล และ สเปอร์ส ที่คว้าแชมป์ได้มากกว่าที่พวกเขาทำได้ 7 ครั้ง แต่พวกเขาไม่เคยทำได้อีกเลยนับตั้งแต่ปี 1957
นอกจากนี้แล้ว ‘สิงห์ผงาด’ ยังได้ตำแหน่งรองแชมป์อีก 4 สมัย รวมถึงครั้งล่าสุดที่พวกเขาพ่ายแพ้ต่อ อาร์เซนอล ด้วยสกอร์ 4-0 ที่ เวมบลีย์ ในฤดูกาล 2014-15
ทีมสุดท้ายก็คือ แมนฯ ซิตี้ ซึ่งรายการนี้จะเป็นโอกาสเดียวและโอกาสสุดท้ายของ เป๊ป กวาร์ดิโอล่า ที่จะคว้าแชมป์สำคัญมาให้ได้สักรายการในปีนี้
ตลอด 7 ฤดูกาลที่ผ่านมา พวกเขาคว้าแชมป์ พรีเมียร์ลีก ได้ 6 สมัย, เอฟเอคัพ 2 สมัย, ลีกคัพ 4 สมัย และ แชมเปี้ยนส์ลีก 1 สมัย แต่พวกเขากลับมีข้อผิดพลาดมากจนทำให้เหลือลุ้นเพียงแค่รายการนี้รายการเดียว
แม้ว่า ‘เรือใบสีฟ้า’ จะเป็นเต็งหนึ่งใน เอฟเอคัพ แต่เมื่อพิจารณาจากผลงานของพวกเขาในปัจจุบันแล้ว ก็ยังไม่มีอะไรที่ชัดเจนและสามารถการันตีได้ว่าพวกเขาจะมีถ้วยแชมป์ติดไม้ติดมือในปีนี้
สุดท้ายก็ต้องติดตามกันต่อไปจนกว่าจะถึงรอบชิงชนะเลิศที่ เวมบลีย์ ในเดือนพฤษภาคม ว่าทีมใดจะก้าวขึ้นมาครองถ้วยรายการที่เก่าแก่ที่สุดนี้ไปได้ ซึ่งจะเป็นทีมที่ไม่เคยคว้าแชมป์มาก่อนหรือจะเป็นทีมเต็ง ล้วนก็แล้วแต่มีความสำคัญกับพวกเขากันทุกทีม
เขียนโดย LS Sport
ข่าวกีฬาคนรุ่นใหม่ 24 ชั่วโมง

